มะลิบุกตลาดนมเออีซี

มะลิ กรุ๊ป ปรับโครงสร้างองค์กร เจาะอุตฯ ผลิตภัณฑ์นมในอาเซียนเติบโต วางเป้ารายได้ตลาดซีแอลเอ็มวีใน 3 ปีแตะ 4,500 ล้านบาท นายพินิจ พัวพันธ์ รองประธาน บริษัท มะลิ กรุ๊ป 1962 ผู้ดำเนินธุรกิจการทำตลาดผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมภายใต้แบรนด์ต่างๆ อาทิ มะลิ เบิร์ดวิงส์ ออร์คิด พิมส์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ พร้อมจัดตั้งบริษัท มะลิ กรุ๊ป 1962 ขึ้น เพื่อให้มีความชัดเจนและแยกออกจากกันระหว่างธุรกิจการผลิตและการกระจายสินค้า ขณะที่แนวทางดังกล่าวเพื่อให้บริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุน (คอสต์ คอนโทรล) การผลิตสินค้าและทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการเป็นผู้รับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ให้กับเจ้าของสินค้าอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างหลังที่บริษัทมองเห็นเป็นโอกาสในทางธุรกิจในตลาดอาเซียน “มองว่าอุตสาหกรรมตลาดผลิตภัณฑ์จากนมในประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงอิ่มตัวแล้ว ขณะที่กำลังซื้อในตลาดประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกลุ่มซีแอลเอ็มวีกำลังเริ่มต้นในสินค้ากลุ่มนี้ และมองว่ายังมีโอกาสทางการตลาดเติบโตสูง ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการทำตลาดในประเทศอื่นๆ ก่อนหน้านี้” นายพินิจ กล่าว สำหรับแผนทำตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ในเบื้องต้นจะใช้การทำตลาดผ่านตัวแทนขายและกระจายสินค้า (ดิสทริบิวเตอร์) เป็นหลัก โดยจะใช้สินค้านมตรามะลิแดงและเบิร์ดวิงส์ เข้าไปทำตลาดผ่านช่องทางขายห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) โดยเฉพาะในเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ให้การตอบรับสินค้าจากไทยเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังวางแผนขยายการทำธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย คาดมีความชัดเจนภายในปีนี้ โดยในตลาดอินโดนีเซียจะอาศัยข้อได้เปรียบด้านการผลิต ทั้งมาตรฐานการผลิตต่างๆ ซึ่งรวมถึงตราฮาลาล (HALAL) ด้วย ซึ่งตลาดในอินโดนีเซียนั้นอาจใช้ผลิตภัณฑ์นมตรามะลิเข้าไปทำตลาด ส่วนฟิลิปปินส์อยู่ระหว่างพัฒนาตราสินค้าใหม่เข้าไปทำตลาด จากในช่วงที่ผ่านมาบริษัททำตลาดในรูปแบบโออีเอ็มในฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม จากแผนการทำตลาดในอาเซียนและซีแอลเอ็มวีดังกล่าว บริษัทประเมินว่าจะยังมีกำลังการผลิตสินค้ารองรับความต้องการอย่างเพียงพอไม่จำเป็นต้องขยายการผลิต จากปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตสินค้าคิดเป็นปริมาณรวมกว่า 3 แสนตัน/ปี ผลิตสินค้าครอบคลุมทั้งนมข้นหวาน นมข้นจืดสเตอริไลซ์ ครีมสเตอริไลซ์ เนยสดแท้ และเนยสดผสม ที่ปัจจุบันขยายตลาดไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ บริษัทจะสามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าไปอยู่ในตลาดกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านได้ ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา ส่วนเวียดนามค่อนข้างลำบาก จากปัจจุบันตลาดในประเทศดังกล่าวมีผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมนมที่แข็งแกร่ง พร้อมวางเป้าหมายภายใน 3 ปีนับจากนี้ จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 4,000-4,500 ล้านบาท จากศักยภาพของผู้บริโภคและจำนวนประชากรรวมกันกว่า 260 ล้านคน ขณะเดียวกันจะมีสัดส่วนการตลาดส่งออกต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศในซีแอลเอ็มวี 70% และกลุ่มประเทศอื่นอีก 30% ด้วยในปัจจุบันเห็นว่าการทำตลาดในประเทศอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จากจำนวนคู่แข่งในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น และแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 บริษัทคาดมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3,500-3,700 ล้านบาท โดยจะมีการเติบโตเชิงกำไรอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน

อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/aec/news/433960